9 วิธีชงกาแฟ ให้หอมเข้มข้น

9 วิธีชงกาแฟให้หอมเข้มข้นรสชาติอร่อยกลมกล่อม

วิธีชงกาวิแฟ ให้ออกมาเข้ม มีกลิ่นหอม ไม่มีรสเปรี้ยว บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก ๆ  เพียงแต่ต้องใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านกาแฟร้านเครื่องดื่มควรใส่ใจ

และให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อส่งต่อเครื่องดื่มเมนูกาแฟที่มีคุณภาพทุกแก้วให้กับลูกค้า

การจะดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านกาแฟนั้นไม่เพียงแต่ร้านจะต้องสวยงาม น่าเข้ามาใช้บริการ เข้ามาถ่ายรูป แต่จุดเด่นของร้านกาแฟคือต้องมีรสชาติของกาแฟที่อร่อยกลมกล่อม
หอมเข้มข้น และการจะชูรสชาติกาแฟนั้น ควรเริ่มจากการเลือกใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และเมื่อนำไปผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ก็จะชูให้รสชาติอร่อยลงตัว

จุดขายของร้านกาแฟที่ดีที่สุด คือต้องมีรสชาติกาแฟที่อร่อย ซึ่งจะเป็นตัวดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้ในระยะยาว ดังนั้นหากใครที่เปิดร้านกาแฟ แล้วรู้สึกว่ารสชาติของเครื่องดื่มกาแฟในร้านไม่คงที่ ไม่หอมเข้มข้น ก็ลองมาดูวิธีการชงกาแฟ วิธีแก้ไขปัญหาที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เพื่อนำไปปรับใช้กับร้านของคุณ

วิธีชงกาแฟ

9 วิธีชงกาแฟ ให้หอมเข้มข้น

1. หัวชงกาแฟสกปรก

ควรล้างตะแกรงที่หัวชงทุกวัน ! เพราะตะแกรงที่หัวชงกาแฟจะเป็นแหล่งสะสมของคราบกาแฟเก่าซึ่งคราบกาแฟก็มาจากการชงหรือกดกาแฟทุกแก้วนั่นเอง
ซึ่งการกดน้ำทิ้งไม่ได้ทำให้หัวชงสะอาดขึ้น แต่ควรล้างด้วยวิธี Back Flush

2. ไม่ได้กดน้ำทิ้งก่อนชงกาแฟ

อาการ Burn ที่หัวจ่าย ส่วนมากจะเกิดกับเครื่องชงกาแฟระบบ heat exchange เพราะถ้าหากเราไม่ได้ใช้เครื่องชงกาแฟประมาณ 5-10 นาที หัวจ่ายน้ำกาแฟก็จะมีน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้น้ำมีอุณหภูมิมากกว่า 96 องศาเซลเซียส ผลที่ได้คือน้ำร้อนชุดแรกที่สกัดกาแฟออกมาสูงเกินไป จนได้น้ำกาแฟที่เข้มเหม็นไหม้  ซึ่งแก้ไขได้ง่าย ๆ คือ ควรกดน้ำทิ้งก่อนสวมด้านชงกาแฟทุกครั้ง กดน้ำออกมาจนน้ำที่ออกจากหัวชงกาแฟ ไม่มีควันหรือเสียงซ่า ๆ ออกมา

3. ลากน้ำกาแฟออกมามากเกินไป

ปัญหานี้เป็นส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับร้านกาแฟที่มีสูตรชงกาแฟเย็น โดยใช้น้ำสกัดออกมามากกว่า 3 ออนซ์ เพราะจากการวิจัยในต่างประเทศ เมื่อชงกาแฟแล้วมีการดึงน้ำกาแฟออกมามาก ๆ จะทำให้มีค่า Smoke Favor หรือ กลิ่นไหม้ตามอออกมาเรื่อย ๆ  ซึ่งสามารถแก้ไขปัญกานี้ได้ง่าย ๆ คือ เมื่อใช้กาแฟ 7-10 กรัม ไม่ควรสกัดน้ำกาแฟเกิน 60 cc
กาแฟ 14-21 กรัม ไม่ควรสกัดน้ำกาแฟเกิน 100 cc นอกจากอยากได้กลิ่นไหม้ก็ให้ลากน้ำต่อไป

4. เครื่องบด บดกาแฟออกมาไม่นิ่ง

เครื่องบดกาแฟเล็ก ๆ หรือเครื่องบดที่มีราคาถูก มักจะมีจานบดเล็ก ระบายความร้อนไม่ดี ระบายความร้อนได้น้อย เพราะเมื่อบดกาแฟออกมามากขึ้นจะทำให้จานบดกาแฟมีความร้อน และผงกาแฟก็จะร้อน รวมทั้งคลายกลิ่นออกมาไวขึ้น จนสูญเสียรสชาติกาแฟได้นั่นเอง โดยสามารถแก้ไขได้คือควรเลือกใช้เครื่องบดกาแฟที่มีจานบดขนาดใหญ่ขึ้น เพราะหากจานบดไม่เหมาะสมกับการใช้งานของร้าน ก็จะเป็นสาเหตุให้ผงกาแฟที่บดออกมาไม่มีคุณภาพตามไปด้วย

5. เครื่องบดกาแฟฟันบดทื่อ

โดยทั่วไปแล้วจานบดกาแฟจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ของเครื่องนั้น ๆ และเมื่อใช้งานไปในระยะหนึ่งแล้ว เครื่องบดกาแฟก็จะมีฟันบดที่ไม่คม การบดก็จะกลายเป็นโม่
(การทำให้ละเอียดด้วยการบี้) ซึ่งจะทำให้ผงกาแฟที่บดได้ เมื่อนำไปชงจะมีรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปได้ ดังนั้นควรที่จะเปลี่ยนจานบดกาแฟ เมื่อรู้สึกว่าได้ผงกาแฟที่ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ

6. คนชงกาแฟโดสกาแฟไม่นิ่ง

การโดสกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของบาริสต้า ในการใส่กาแฟลงในด้ามชงให้เท่ากันทุกครั้ง กดกาแฟให้แน่นเท่ากัน กดกาแฟให้ได้ระนาบที่ตรงไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพราะการโดสกาแฟที่ไนิ่ง ไม่คงที่ จะทำให้กาแฟแแกมาไม่นิ่งเช่นกัน

7. เก็บกาแฟไม่ดี

การเก็บรักษากาแฟที่ถูกต้อง จะทำให้กาแฟคงคุณภาพไว้ได้นานทำให้ชงออกมาอร่อยกลมกล่อม ซึ่งวิธีที่ถูกต้องก็คือ ควรเก็บกาแฟให้ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพาะหากทิ้งกาแฟไว้ไม่ปิดให้ฝาให้สนิท จะทำให้กลิ่นหอมกาแฟลดลง เพราะกาแฟที่โดนอากาศนาน จะคลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากยิ่งขึ้น และหากนำไปชงก็จะได้ครีม่าที่น้อย เพราะครีม่าที่เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกคลายออกไปหมดแล้ว แม้กาแฟจะพึ่งคั่วใหม่ ข้อแนะนำคือ ควรใช้กาแฟให้หมดหลังเปิดใช้งานภายใน 7 วัน และไม่ควรบดกาแฟทิ้งไว้ล่วงหน้า 15 นาที

8. กาแฟใหม่เกินไป หรือกาแฟเก่าเกินไป

กาแฟที่คุณภาพดีที่สุด คือ กาแฟหลังคั่ว 2 สัปดาห์ ขึ้นไปจนถึง 3-4 เดือน เพราะโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเก็บกาแฟให้ดีเพียงใด กาแฟก็จะสูญเสียคุณภาพออกไปเรื่อย ๆ  กาแฟที่ใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีคุณภาพดี เพราะถือว่ายังไม่มีการหมักตัวที่ดีพอ ชงออกมาก็จะได้รสชาติที่ไม่ลงตัว ไม่มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงกาแฟที่มีอายุเกิน 4 เดือนก็จะมีคุณภาพที่ลดลง

9. ไม่อุ่นถ้วยกาแฟ ไม่อุ่นด้ามชงก่อนใช้งาน 

อุ่นด้ามชง อุ่นถ้วยก่อนใช้เสมอ จะช่วยให้กาแฟออกมาร้อนมีกลิ่นหอมโดดเด่นอร่อยลงตัว ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะอุณหภูมิที่เครื่องชงต้มน้ำรอสกัดกาแฟจะนิ่งที่ประมาณ 88-96 องศาเซลเซียส (ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ) แต่ด้ามชงกาแฟที่วางทิ้งไว้ในห้องแอร์ จะทำให้ด้ามชงที่เป็นโลหะมีความเย็น เมื่อนำไปชงกาแฟก็ย่อมจะดึงเอากาแฟให้เย็นลงทันที เมื่อกาแฟไม่ร้อนก็จะทำให้ส่วนผสมอื่น ๆ ไม่ละลายเต็มที่

ที่มาbluemochateas

You May Have Missed