กากกาแฟใส่ต้นไม้แล้วดียังไง

กากกาแฟดีต่อพืช

กากกาแฟทีใช้แล้วมีระดับความเปนกรดลดลงเปนอย่างมากจากกระบวนการทํากาแฟ ทําให้ระดับความเปนกรดของกากกาแฟไม่เปนพิษต่อพืช กากกาแฟจึงเปนวัสดุอินทรีย์ทีมี ศักยภาพในการนํามาใช้เปนวัสดุปรับปรุงดินและนํามาผลิตเปนปุยอินทรีย์ได้ โดยกากกาแฟ จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้โปร่ง ทําให้ดินร่วนซุย เพิมช่องว่างในดินทําให้ดินมีอากาศถ่ายเทดี

กาแฟสด 1 แก้ว จะสร้างขยะกากกาแฟได้ประมาณ 11 กรัม”

กากกาแฟดีต่อต้นไม้อย่างไร

เพิ่มพลังให้ปุ๋ยคอก โดยนำกากกาแฟไปผสมปุ๋ยใช้บำรุงต้นไม้ เป็นการเพิ่มแร่ธาตุโพแทสเซียม ไนโตรเจน และ ฟอสฟอรัสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

คุณสมบัติของกากกาแฟทางการเกษตร

กากกาแฟที่ใช้แล้วมีระดับความเป็นกรดลดลงเป็นอย่างมากจากกระบวนการทำ กาแฟทำให้ระดับความเป็นกรดของกากกาแฟไม่เป็นพิษต่อพืช กากกาแฟจึงเป็นวัสดุอินทรีย์ที่มีศักยภาพในการนำ มาใช้เป็นวัสดุปรับปรุงดินและนำ มาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ โดยกากกาแฟจะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้โปร่ง ทำ ให้ดินร่วนซุย เพิ่มช่องว่างในดินทำ ให้ดินมีอากาศถ่ายเทได้ดีและเพิ่มการซึมผ่านของน้ำ ได้ดี นอกจากนั้นยังมีปริมาณธาตุอาหารสูงโดยเฉพาะไนโตรเจน ซึ่งพบว่ากากกาแฟมีปริมาณไนโตรเจนสูงถึง 1.2 – 2.4 เปอร์เซนต์ และยังมีธาตุอาหารที่จำ เป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก
แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี เป็นต้น

การใช้กากกาแฟสด ๆ ให้แก่พืชโดยตรงอาจส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโตของพืชลดลงอย่างมีนัยสำ คัญ เนื่องจากกากกาแฟมีปริมาณคาเฟอีน (caffeine) หลงเหลืออยู่ปริมาณมาก (ประมาณ 0.24 เปอร์เซนต์) รวมทั้งมีสารแทนนิน (tannin) และสารประกอบฟีนอลิค อื่นๆ (phenolics compound) ซึ่งเป็นพิษต่อพืชและจุลินทรีย์ในดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะการงอกของเมล็ด และการเจริญเติบโตของต้นอ่อนซึ่งเป็นระยะแรกของพืช นอกจากนี้ การใส่กากกาแฟโดยตรงต่อพืชจึงอาจไปขัดขวางการเคลื่อนที่ของอากาศและความชื้นในดินเนื่องจากกากกาแฟมีความละเอียดและจับตัวเป็นก้อนแน่นได้ง่าย ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อพืช อีกทั้งอาจจะมีจุลินทรีย์บางชนิด เช่น เชื้อรา ที่เจริญเติบโตบนกากกาแฟสดได้ดีและไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช ดังนั้น การใช้กากกาแฟสด ๆ จึงต้องใช้ในปริมาณน้อย ๆโดยอาจผสมกับวัสดุปลูกอื่น ๆ หรือนำ มาหมักเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดความเป็นพิษของกากกาแฟ อย่างไรก็ตาม ความเป็นพิษของกาแฟขึ้นอยู่กับชนิดของพืชด้วยจึงควรใช้กากกาแฟด้วยความระมัดระวัง

กากกาแฟดีต่อพืช

การปรุงดินด้วยกากกาแฟ

การนำ กากกาแฟใช้ทางการเกษตร ควรมีการหมักกากกาแฟก่อนนำ ไปใช้ จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่นักวิจัยแนะนำ ให้ใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเป็นพิษต่อพืชและจุลินทรีย์ในดินแล้ว ยังช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารที่พืชสามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ได้ และกระตุ้นการดูด
ซึมธาตุอาหารของพืชอีกด้วยการหมักกากกาแฟ สามารถใส่กากกาแฟในกองปุ๋ยหมักได้เช่นเดียวกับการทำ ปุ๋ยหมัก
ทั่ว ๆ ไป โดยในทางทฤษฎี การทำ ปุ๋ยหมักจะต้องมีสัดส่วนของอินทรียวัตถุที่มีคาร์บอนมากหรือที่เรียกว่า วัตถุสีน้ำ ตาล (Brown material) และวัตถุที่มีไนโตรเจนมาก หรือที่เรียกว่าวัตถุสีเขียว (Green material) ที่เหมาะสม สัดส่วนของวัตถุสีน้ำ ตาลต่อวัตถุสีเขียว ที่ง่าย
ที่สุดคือ 1 ต่อ 1 คือใช้วัตถุสีน้ำ ตาลและวัตถุสีเขียวอย่างละครึ่ง หรืออาจเพิ่มวัตถุสีน้ำ ตาลได้ถึง 4 ส่วนต่อวัตถุสีเขียว 1 ส่วน หากมีวัตถุสีน้ำ ตาลมากเกินไปจะย่อยสลายช้า ในขณะที่หากมีวัตถุสีเขียวมากเกินไปจะทำ ให้เกิดกลิ่นเหม็น วัตถุสีน้ำ ตาลที่เหมาะจะนำ มาทำ ปุ๋ยหมัก
ได้แก่ ใบไม้แห้ง ฟางข้าว เศษไม้ หรือหากมีกระดาษลังเหลือใช้จำ นวนมากก็สามารถนำ มาใช้เป็นวัตถุสีน้ำ ตาลในการทำ ปุ๋ยหมักได้เป็นอย่างดี ส่วนวัตถุสี เขียวที่เหมาะจะนำ มาทำ ปุ๋ยหมักได้แก่ เศษพืชสด เปลือกไข่ มูลสัตว์กินพืช เป็นต้น โดยกากกาแฟ จัดเป็นวัสดุสีเขียวเนื่องจากให้องค์ประกอบไนโตรเจนมาก อุณหภูมิในกองปุ๋ยหมักควรอยู่ระหว่าง 55-69 องศาเซลเซียส มีความชื้นประมาณ 40-70 เปอร์เซ็นต์ และต้องเป็นสภาพที่มีออกซิเจน

จากงานวิจัยของ Santos et al. (2017) ซึ่งศึกษาคุณภาพของปุ๋ยหมักหลังผ่านกระบวนการหมักโดยใช้กากกาแฟ 10, 20 และ 40 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มที่ไม่ใส่กากกาแฟเป็นกลุ่มควบคุม หมักร่วมกับเศษกระถินณรงค์สดและฟาง (35:65 โดยน้ำ หนัก) พบว่า ทุก ๆกลุ่ม มีปริมาณแทนนินและสารประกอบฟีนอลลิคลดลงอย่างมากและปริมาณคาเฟอีนอยู่่ในระดับที่ตรวจไม่พบในทุก ๆ กลุ่มการทดลอง การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซไนตรัสออกไซด์) ก็อยู่ในระดับที่ต่ำ มากเช่นกัน โดยกลุ่มที่ใช้กากกาแฟ 40 เปอร์เซ็นต์ ให้ปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพดีที่สุดในแง่ของปริมาณคาร์บอนและไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และค่าการนำ ไฟฟ้า (EC = 0.78 ± 0.07) ผลการทดลองนี้ช่วยยืนยันให้เห็นภาพชัดขึ้นถึงข้อดีของการหมักกากกาแฟก่อนใช้

จากผลการวิจัยของ Ronga et al. (2016) ในการใช้กากกาแฟปรุงดิน ยืนยันว่า การใช้ปุ๋ยหมักกากกาแฟทดแทนวัสดุปลูกสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ โดยใช้ปุ๋ยหมักกากกาแฟ 66 เปอร์เซ็นต์ ผสมอาร์ทิโชก 16.5 เปอร์เซ็นต์ เศษไม้ 15.8 เปอร์เซ็นต์ และ
ปุ๋ยคอก 1.7 เปอร์เซ็นต์ หมักนาน 105 วัน นำ มาใช้ผสมพีทมอสเพื่อเป็นวัสดุปลูกสำ หรับโหระพาและมะเขือเทศ พบว่าปุ๋ยหมักกากกาแฟมีคุณสมบัติที่ดีต่อพืชทั้งทางกายภาพและเคมี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ดีกว่าการใช้พีทมอสเพียงอย่างเดียวและดีพอ ๆ
กับการใช้พีทมอสผสมปุ๋ยไนโตรเจนตามคำ แนะนำ การใช้ โดยสามารถใช้ปุ๋ยหมักกากกาแฟได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้น การใช้กากกาแฟปรุงดินอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มความสามารถของดินหรือวัสดุปลูกในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างเต็มศักยภาพ และยังนำ ไปสู่การพัฒนาเกษตรที่ยั่งยืน ปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ร้าน กาแฟรายใหญ่อย่างสตาร์บัคที่มีโครงการช่วยลดขยะกากกาแฟ ชื่อว่า “Grounds For Your Garden” โดยแจกกาแฟให้กับลูกค้าที่ต้องการสามารถหยิบกากกาแฟซึ่งบรรจุถุงไว้เรียบร้อยแล้วไปใช้ได้ฟรีร้าน กาแฟท้องถิ่นหลายๆ ร้านก็มีการนำ โครงการแบบนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน

ลองคิดเล่น ๆ ดูว่า … …ถ้า 1 วัน ร้านกาแฟขายได้ 100 แก้ว จะได้กากกาแฟ 1.1 กิโลกรัมต่อวัน หากร้านกาแฟทุก
ร้านที่มีกากกาแฟเหลือทิ้งไม่ได้นำ ไปใช้ประโยชน์ จะส่งผลต่อการเพิ่มขยะในแต่ละวันมากขึ้น ดังนั้น การสื่อสารการนำ กากกาแฟไปใช้ประโยชน์ที่ถูกต้อง เราจะสามารถเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะทางการเกษตรได้มากขนาดไหน และเรายังช่วยชะลอภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย

สารอาหารชั้นดีของดอกกุหลาบ

กากกาแฟใส่ต้นไม้ เสมือนเป็นการเติมไนโตรเจนให้กับต้นไม้ โดยเฉพาะกุหลาบและไม้ดอกชนิดอื่น ช่วยป้องกันอันตรายจากหนอน,​ศัตรูพืชและเชื้อแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ และยังมีค่า pH ใกล้เคียงกับธรรมชาติอีกด้วย

กากกาแฟใส่ต้นไม้ช่วยปกคลุมหน้าดิน

กากกาแฟใส่ต้นไม้ ช่วยรักษาระดับความชื้นของหน้าดินได้ ช่วยป้องกันศัตรูพืช การกัดเซาะหน้าดิน แต่อย่าเอากากกาแฟใส่ต้นไม้มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรานั่นเอง

กากกาแฟใส่ต้นไม้ ช่วยป้องกันศัตรูพืช

กลิ่นของกากกาแฟใส่ต้นไม้สำหรับแมลงและศัตรูพืชนั้น เป็นสิ่งที่สัตว์เหล่านี้ไม่ชอบเอามาก ๆ จึงทำให้การเอากากกาแฟใส่ต้นไม้ ช่วยป้องกันศัตรูพืชที่จะมาทำลายต้นไม้ โดยการเอากากกาแฟใส่ต้น บริเวณรอบต้นไม้ ไม่ให้หนอนและแมลงศัตรูพืชมายุ่งกับต้นไม้ของเรา.

ปุ๋ยน้ำหมักกากกาแฟ

ปุ๋ยสูตรน้ำกากกาแฟหมัก

น้ำหมักจากกาแฟจะช่วยต้นไม้ให้แตกยอดแตกใบเจริญเติบโตได้ดี ไนโตรเจนสูง ใส่ต้นไม้งามจริง

วัตถุดิบทำน้ำหมักจากกาแฟ

1. กากกาแฟ 3 กก.

2. กากน้ำตาล 2 ลิตร ถ้าไม่มี ให้นำน้ำตาลทรายแดงไปต้มจะได้กากน้ำตาลประมาณ 2.5 ลิตร

3. นมเปรี้ยว ขนาด 400 ml.

4. Em 1 ลิตร

5. น้ำเปล่า 5 ลิตร

วิธีทำน้ำหมักจากกาแฟ

นำน้ำเปล่า + กากน้ำตาล + EM+ นมเปรี้ยว เทรวมกันผสมให้เข้ากันจนละลายดีแล้ว นำกากกาแฟทยอยใส่ลงไปในถังหมัก ก่อนที่จะนำกากกาแฟลงในถังหมักให้ขยี้ให้แตกให้หมดก่อน แล้วคนผสมกันหลังจากใส่กาแฟไป แล้วให้คนให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้ว ปิดฝานำไปพักวางหมักทิ้ง
ไว้ 15 วัน เมื่อครบ 15 วันแล้วให้กรองน้ำหมักไปเท่าที่ใช้งานส่วนที่เหลือหมักทิ้งไว้เมื่อต้องการใช้งานให้มากลองเอาไปใช้ใหม่เพื่อป้องกันน้ำหมักเสื่อมคุณภาพ

วิธีการใช้งานน้ำหมักจากกาแฟ

อัตราการใช้ 100 ml ต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทุก 3 หรือ 7 วันช่วงเช้าหรือช่วงเย็นน้ำหมักจะช่วยให้ต้นไม้แตกยอดแตกใบเจริญเติบโตได้ดี หรือจะนำไปผสมรดต้นไม้ ผสมในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 5 ลิตรไปรดต้นไม้ ช่วยปรับค่า pH ของดิน และช่วยทำให้ปุ๋ยทำงานได้อย่างดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขอบพระคุณคลิปดีๆ : ครูสวัสดิ์พาทํา ทําไปเรื่อย : https://www.youtube.com/@krusawat

ต้นไม้ที่ไม่ชอบกากกาแฟ หากใส่ลงไปต้นไม้อาจตายได้

  1. ลาเวนเดอร์
    เป็นพันธุ์ไม้ที่เติบโตได้เต็มที่เวลาที่แดดจัด ดินที่ร้อน แห้ง เป็นทรายและไม่มีกรด พันธุ์ไม้ให้ดอกสวยงามนี้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการเติมกากกาแฟลงไป การปลูกลาเวนเดอร์ในดินที่มีความเป็นกรดสูงจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตหากพบว่าดินที่ใช้ปลูกลาเวนเดอร์มีสภาพเป็นกรด ให้เติมปูนขาวซึ่งจะช่วยลดระดับความเป็นกรดของดิน และเพิ่มความเป็นด่างให้กับดินซึ่งลาเวนเดอร์จะเติบโตได้ดีในดินที่เป็นด่าง
  2. กล้วยไม้
    จำไว้ว่าเราบอกว่ากาแฟนั้นมีไนโตรเจนซึ่งอาจช่วยให้พืชบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับกล้วยไม้เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่จะทำลายไนโตรเจนในกาแฟ การคลุมดินด้วยกากกาแฟอาจเป็นประโยชน์ต่อพืชบางชนิด เช่นกุหลาบ แต่สำหรับดอกกล้วยไม้แล้วถือเป็นหายนะ เพราะกากกาแฟอาจทำให้รากเน่าได้ เนื่องจากรากกล้วยไม้ไม่สามารถดูดซับไนโตรเจนได้ ดังนั้นอย่าพลาดโรยกากกาแฟลงบนดินชั้นบยของกล้วยไม้
  3. พลูด่างเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมและเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกในบ้านทั่วๆ ไป นั่นอาจเป็นเพราะมันปลูกง่ายและไม่ต้องดูแลมาก การเพิ่มกากกาแฟลงในต้นพลูด่างอาจเป็นอันตรายต่อต้นไม้ เนื่องจากพลูด่างไม้ชอบดินที่เป็นกรด
    แม้ว่าพลูด่างอาจได้รับประโยชน์ในแง่ของไนโตรเจนที่มาพร้อมกับกากกาแฟอยู่บ้าง แต่การเพิ่มขึ้นของระดับกรดในดินตามสัดส่วนแล้วอาจเป็นอันตรายต่อพืชได้
  4. โรสแมรี่พันธุ์ไม้ชนิดนี้ไม่ชอบดินที่เป็นกรดเหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจไม่มีประโยชน์เมื่อเติมกากกาแฟลงไปในดินปลูก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลดระดับความเป็นกรดของกากกาแฟได้โดยการเจือจางด้วยน้ำก่อนที่จะรดต้นโรสแมรี่
  5. แคคตัส กระบองเพชร หรือแคคตัสเป็นพืชทะเลทราย มันต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดีด้วยส่วนผสมที่สมดุลของวัสดุอินทรีย์ และอนินทรีย์ กากกาแฟสามารถเปลี่ยนส่วนผสมที่สมดุลได้อย่างง่ายดายซึ่งจะขัดขวางการเติบโตของต้นกระบองเพชร ในกากกาแฟมีคาเฟอีนที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของแคคตัส

ขอบคุณที่มา : คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน

You May Have Missed